วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

ปรับความเข้าใจให้ถูกต้องเรื่องความเชื่อในศาสนาพุทธ เกี่ยวกับเรื่องผีๆ และเรื่องการทำบุญนอกศาสนา

ข่าวนี้มีต้นตอมาจากเว็บดราม่า ที่ได้พูดถึงเรื่องที่มีรายการหนึ่งที่มีการเอาสีไปทาบันไดให้เป็นสีเขียว เพื่อเป็นการตัดหน้ารายการหน้าเดอะช๊อค เพื่อพิสูจน์ความจริงว่า ผีไม่มีจริงไม่เห็นมีสักตัวเลย เราไปพิสูจน์มาแล้ว แล้วก็มีการดราม่ากันไปต่างๆ นานา ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือขัดแย้งก็ตามที จนพระรูปหนึ่งออกมาบอกหลักการ และคำสอนของชาวพุทธเกี่ยวกับเรื่องผีว่าเป็นยังไง

วันนี้เรามาพูดกันเลยว่าเรื่องผีนั้นเป็นเรื่องที่พุทธเจ้าไม่ได้สอนไว้ในพระไตรปิฎกเลยแม้แต่ตัวเดียว ที่บอกว่าห้ามลบลู่ผี หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ว่าถ้าลบลู่แล้วจะมีอันเป็นไป คำว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือการไหว้ผี ไม่มีในพุทธแท้มีแต่ในพุทธปลอมเท่านั้น มันเป็นเรื่องของศาสนาพราหมณ์ และลัทธิถือผี ไม่ใช่ของพุทธ พุทธศาสนาไม่ได้เชื่่อแบบนั้น  สิ่งที่ชาวพุทธนับถือ นั่นคือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เอามาเป็นที่พึ่งทางจิตใจ และอุบาสกต้องประกอบด้วยคุณธรรม 5 ประการ ดังที่พระรูปนั้นบอก 

แต่ดันมีข้อหนึ่ง ที่พระรูปนั้นได้บอกพลาดไป นั้นคือ ข้อที่  4 ที่บอกว่าไม่แสวงหาทักขิไณยภายนนอกนั้น แล้วที่ถูกต้องจริงๆ แล้วคือ การที่พระพุทธเจ้าได้บอกไว้ว่า ไม่ทำบุญนอกศาสนา ต่างหากที่เป็นคำที่ถูกต้อง การไม่ทำบุญนอกศาสนานั้น ไม่ได้ความว่า ห้ามทำบุญกับศาสนาอื่น แต่หมายความว่า การทำบุญตามแบบชาวพุทธ ไม่ทำบุญตามแบบศาสนาอื่น แต่ไม่ได้ห้ามทำบุญให้ศาสนาอื่นนะครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราไปทอดผ้าป่าให้กับศาสนาคริสต์ เพื่อให้เขาเอาไปสร้างโบสถ์ เราก็ทำได้ แต่เราไม่ได้เอาผ้าไปชักเท่านั้นเอง พระพุทธเจ้าสอนให้เรามีความเมตตา กรุณากับทุกคน ทุกศาสนา ทุกภาษา ทุกเชื้อชาติ ไม่มีการแบ่งแยกว่านี่ คือพุทธ หรือว่านี่คือคริสต์ ทุกคนมีความเท่าเทียมและเสมอภาคเหมือนกันหมด ทำบุญได้กับทุกศาสนาไม่มีจำกัดว่าต้องทำบุญกับศาสนาพุทธอย่างเดียว

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

เมื่อช่อง 3 แบนละครเหนือเมฆ 2 กับมาตรฐานละครไทยในช่องฟรีทีวีไทย

การประกาศแบน (คำประกาศดูได้ที่ท้ายข่าว) ละครเหนือเมฆ 2 ตอน มือปราบจอมขมังเวทย์ ของทางช่อง 3 นั้น  มันเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ไม่ว่าทั้งเรื่องการเมือง, เรื่องการหมิ่นสถาบัน และจนมีคนทำคลิปเป็นเพลงออกมาทาง YouTube โดยบอกว่าการแบนละครเรื่องนี้มันอาจะเกี่ยวข้องกับการเมือง และในเมื่อละครดีๆ แบบนี้โดนแบน เราก็ต้องได้ชมละครแบบน้ำเน่า ตบกันไป ตบกันมา แย่งผัว แย่งเมีย กันทั้งเรื่อง แล้วก็จบด้วยการกอดจูบกันทุกเรื่องไป ต่อด้วยเว็บดราม่า ที่เอาไปวิจารณ์กันอย่างถึงพริกถึงขิงกันเลยทีเดียว จนทางช่อง 3 ออกมาแจงทางกสทช. ว่าเนื้อหาอาจเข้าข่ายมาตรา 37  พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงฯ จึงได้สั่งแบนละครออกไปอย่างกระทันหัน แต่ทางรายการเรื่องเล่า เสาร์-อาทิตย์ ก็ไม่ได้พูดถึงข่าวนี้เลยแม้แต่น้อย

และละครแรงปราถนามาตอนแรกก็เล่นฉากตบกันอย่างเมามัน มันเป็นอะไรที่ละครไทยชอบทำตามใจของตัวเองที่ชอบละครแบบนี้กัน ทั้งที่คนดูก็ไม่ได้ชอบฉากละครแบบนี้ มันไม่ได้มีอะไรตื่นเต้นเลย ดูปุ๊บก็รู้ปั๊บว่าฉากจบเป็นยังไง มันมีฉากจบเหมือนกันคือพระเอกก็แต่งงานกับนางเอก หรือไม่ก็จบแบบว่านางเอกคืนดีกับพระเอก ละครไทยมันมีเนื้อหาแค่นี้จริงๆ นะหรือ?

แล้วละครแรงเงาหละที่แรงกว่าละครเหนือเมฆทำไมไม่ถูกแบน ถูกปล่อยให้เล่นจนจบกันไปแบบหน้าด้านๆ อย่างนั้นทำไม? มาตรฐานของละครไทยมันอยู่ตรงไหนกัน มันอยู่ตรงที่ละครน้ำดีหรือละครน้ำเน่ากันแน่?

เราคงต้องมาเปลี่ยนความคิดกันเสียใหม่กับมาตรฐานละครไทย ที่ควรมีการปรับปรุงในเรื่องของเนื่อหา ที่ควรมีสาระ และควรคำนึงถึงสิ่งที่เรียกว่าคุณธรรมและจริยธรรม คุณธรรมและจริยธรรมต้องอยู่เหนือกฎหมาย ไม่ใช่กฎหมายอยู่เหนือคุณธรรมและจริยธรรม ถ้ากฎหมายอยู่เหนือคุณธรรมและจริยธรรมแล้ว คนเราก็ไม่ต้องไปทำอะไรกันแล้วมั้ง ทำอะไรก็ผิดกฎหมายกันไปหมด เฮ้อ! นี่และหนอวงการละครไทย

นี้คือคำประกาศแบนละครของทางช่อง 3 มีทั้งบนเว็บไซต์และเฟซบุ๊กของช่อง 3 ในช่วงวันที่ 4-5 มกราคม 2556


วิดีโอเพลงที่วิจารณ์เรื่องการแบนละครเหนือเมฆ 2 ว่าอาจเกี่ยวข้องกับรัฐบาลก็เป็นได้